อินเทล เปิดตัว อินเทล เซนทริโนโปรเซสเซอร์ เทคโนโลยี ใหม่ล่าสุดสำหรับโน้ตบุ๊ก ได้พลังประมวลผลจาก อินเทล คอร์ 2 ดูโอ โปรเซสเซอร์ รุ่นใหม่ 5 รุ่น ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ต่างพากันออกแบบโน้ตบุ๊กที่ใช้เทคโนโลยีใหม่นี้รวมกว่า 250 รุ่น สำหรับผู้บริโภคทั่วไปและผู้ใช้ในกลุ่มองค์กรธุรกิจ โดยมีการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างโปรเซสเซอร์ประสิทธิภาพสูงที่มีระบบกราฟิกชั้นยอด และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถสัมผัสประสบการณ์ของระบบวิดีโอแบบไฮเดฟินิชันสะดวกสบายมากขึ้น
นอกจากนั้นอินเทลยังได้เปิดตัว อินเทล คอร์ 2 เอ็กซ์ตรีม โมบาย โปรเซสเซอร์ ที่มีความเร็วถึง 3.06 GHz ซึ่งนับเป็นโปรเซสเซอร์แบบดูอัลคอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในโลกตามการคำนวณค่าประสิทธิภาพจากเบนช์มาร์ก SPECint*_rate_base2006(http://www.Spec.org)**
อินเทลยังประกาศด้วยว่าภายใน 90 วันนับจากนี้ อินเทลจะเปิดตัวโปรเซสเซอร์ใหม่อีก 8 รุ่น ซึ่งรวมถึงโปรเซสเซอร์แบบควอดคอร์สำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโมบายรุ่นแรก และโปรเซสเซอร์สำหรับโน้ตบุ๊กรุ่นบางและเบาเป็นพิเศษในรุ่นที่สอง โดยรวมแล้ว อินเทลจะมีโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่จำนวน 14 รุ่น เพื่อตอบสนองยอดขายของโน้ตบุ๊กที่เพิ่มขึ้นแซงหน้าพีซีในตลาดอย่างรวดเร็ว
อินเทล เซนทริโน 2 โปรเซสเซอร์ และ อินเทล เซนทริโน 2 พร้อมวีโปร เทคโนโลยี ซึ่งเดิมใช้ชื่อรหัสว่า “มอนเทวินา” (Montevina) ได้พัฒนาประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กในทุกๆ ด้าน โดยโปรเซสเซอร์และชิปเซตรุ่นใหม่จะเสริมประสิทธิภาพการทำงานและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้น และมีระบบสื่อสารไร้สายดราฟต์ 802.11n ที่ทำงานได้รวดเร็วขึ้น (และระบบสื่อสาร WiMAX ที่จะมีการเปิดตัวภายในปลายปีนี้) รวมทั้งมีคุณสมบัติในการบริหารจัดการสำหรับธุรกิจรุ่นใหม่อีกด้วย
นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการบริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "ตอนที่เราเปิดตัวอินเทล เซนทริโน เทคโนโลยี ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2546 นั้น แม้แต่ในกรุงเทพฯ เองก็ยังมีฮอตสปอต หรือจุดเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi ให้บริการน้อยมาก นอกจากนี้ เว็บไซต์ YouTube หรือ Social network ก็ยังไม่มีให้บริการด้วยซ้ำไป และเมื่อพูดถึงโน้ตบุ๊กที่ บางและเบาเป็นพิเศษ ก็หมายถึงน้ำหนักซึ่งเป็นเป้าหมายในขณะนั้นเท่านั้น และในช่วงนั้นยอดขายพีซียังสูงกว่าโน้ตบุ๊กอยู่หลายเท่า แต่ในขณะนี้ ในบางประเทศยอดขายโน้ตบุ๊กได้แซงหน้าเดสก์ท็อปไปเรียบร้อยแล้ว และอินเทลก็กำลังกรุยทางไปสู่ความบันเทิงแบบไฮเดฟินิชัน การเล่นเกมออนไลน์ที่สมบูรณ์แบบ ระบบสื่อสารบรอดแบนด์ไร้สายความเร็วสูง บวกกับการจัดการให้ธุรกิจต่างๆ บริหาร อัปเดต หรือแม้กระทั่งซ่อมแซมโน้ตบุ๊กจำนวนมากที่มีใช้งานอยู่ได้อย่างง่ายดายและปลอดภัยมากขึ้น"
ในโอกาสเดียวกันนี้ อินเทลยังได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์แบบดูอัลคอร์รุ่นใหม่จำนวน 5 รุ่น ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์แบบ Hi-k ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ 45 นาโนเมตรในการผลิต โปรเซสเซอร์เหล่านี้มี ฟรอนท์ไซด์บัส (FSB) ที่มีความเร็วถึง 1,066 MHz และ L2 แคช ที่มีขนาดใหญ่สูงสุดถึง 6 MB และมีโปรเซสเซอร์ 3 รุ่นที่ลดการใช้พลังงานของโปรเซสเซอร์ลงร้อยละ 30 โดยเหลือเพียง 25 วัตต์เท่านั้น นอกจากนั้น อินเทล เซนทริโน 2 โปรเซสเซอร์ ยังมีเทคโนโลยี Deep Power Down ที่ช่วยปิดการทำงานของส่วนประกอบในการประมวลผล เช่น Core clocks และแคช เมมโมรี ในขณะที่โน้ตบุ๊กไม่ได้ทำงานเพื่อช่วยในการประหยัดพลังงานที่ดียิ่งขึ้น
นอกจากนั้นอินเทลยังได้เปิดตัวชิปเซ็ต อินเทล 45 เอ็กซ์เพรส ชิปเซต และระบบสื่อสารไร้สายรุ่นใหม่ อินเทล ไวไฟ ลิงค์ ซีรีส์5000 ซึ่งมีความเร็วในการรับส่งสัญญาณเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าและติดต่อสื่อสารได้ไกลกว่าเดิม 2 เท่าเมื่อเทียบกับ เทคโนโลยี 802.11a/g ในปัจจุบัน เนื่องจากอินเทล ไวไฟ ลิงค์ ซีรี่ส์ 5000 นี้ ใช้มาตรฐานใหม่ 802.11 draft-N ที่สามารถรองรับการรับส่งข้อมูลได้รวดเร็วขึ้นถึง 450 Mbps โดยอินเทลได้ส่งเทคโนโลยีรุ่นใหม่นี้ไปยังผู้ผลิตโน้ตบุ๊กที่จะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ศกนี้แล้ว
คุณสมบัติที่โดดเด่นอีกประการของโน้ตบุ๊กที่มี อินเทล เซนทริโน 2 โปรเซสเซอร์ เทคโนโลยีคือระบบกราฟิกที่สามารถสลับการทำงานได้ ซึ่งเป็นคุณสมบัติประหยัดพลังงานชนิดใหม่ที่เป็นตัวเลือกเสริมสำหรับโน้ตบุ๊กที่มีทั้งระบบกราฟิกในตัวและกราฟิกการ์ดแยกต่างหากในเครื่อง ซึ่งจะทำให้โน้ตบุ๊กสามารถสลับการทำงานระหว่างระบบกราฟิกทั้งสองชนิดได้โดยง่าย ระบบกราฟิกที่สลับการทำงานได้นี้จะช่วยให้การแสดงผล 3D มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นพร้อมกับมีทางเลือกเสริมที่ช่วยให้ประหยัดพลังงานได้มากขึ้น สำหรับผู้ใช้ทั่วไป อินเทล เซนทริโน 2 โปรเซสเซอร์ เทคโนโลยี จะให้ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นทั้งในด้านพลังการประมวลผลและการใช้งานแบตเตอรี่ เพื่อรองรับการเล่นวิดีโอ Blu-ray* แบบไฮเดฟินิชันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยการชาร์จแบตเตอรี่เพียงครั้งเดียวเป็นครั้งแรก รวมทั้งยังช่วยให้สามารถเล่นเกมออนไลน์ ดาวน์โหลดเพลง หรือแม้กระทั่งการโพสต์วิดีโอบนเว็บไซต์ก็สามารถทำได้เร็วขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
ส่วนผู้ใช้งานเชิงธุรกิจ อินเทล เซนทริโน 2 ที่มีวีโปร เทคโนโลยี จะมีตัวเสริมเพื่อระบบบริหารและระบบรักษาความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น คุณสมบัติดังกล่าวมีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากบริษัทต่างๆ เปลี่ยนจากการใช้งานเดสก์ท็อปเป็นโน้ตบุ๊กกันมากขึ้น ความต้องการในการตรวจเช็กสภาพ อัปเดต และซ่อมแซมโน้ตบุ๊กผ่านระบบเครือข่ายไร้สายจึงมากขึ้นตามไปด้วย ระบบบริหารที่ได้มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วย AMT 4.0 นี้ จะทำให้สามารถจัดการผ่านเครือข่ายไร้สายในขณะที่โน้ตบุ๊กอยู่ในโหมด sleep รวมทั้งสามารถทำ configuration จากระยะไกล และใช้งานกับมาตรฐานการจัดการรุ่นใหม่ได้ด้วย นอกจากนั้นแล้วยังสามารถช่วยให้ผู้บริหารสามารถติดต่อสื่อสารกับผู้ดูแลฝ่ายไอทีที่อยู่นอกระบบไฟร์วอลล์ของบริษัทได้อีกด้วย ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กและผู้ประกอบเครื่องจะพร้อมวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์มากกว่า 250 รุ่นออกสู่ตลาด
ในส่วนความคืบหน้าของ WiMAX ในประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายปีนี้ อินเทลจะเริ่มจำหน่ายโมดูลที่รวมทั้ง WiMAX และ Wi-Fi เข้าด้วยกัน เป็นครั้งแรก โดยเป็นส่วนหนึ่งของระบบ อินเทล WiMAX/WiFi Link ซีรีส์ 5050 ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับโน้ตบุ๊กที่มี อินเทล เซนทริโน 2 โปรเซสเซอร์ เทคโนโลยี รุ่นต่อไปในอนาคต WiMAX คือเทคโนโลยีระบบบรอดแบนด์ไร้สายอินเทอร์เน็ตโปรโตคอล 4G รุ่นใหม่ซึ่งจะมาเสริมการทำงานของระบบเครือข่าย Wi-Fi นอกจากนั้น เครือข่าย WiMAX ยังจะช่วยระบบให้อินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์ สามารถให้บริการครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น โดยสิ่งที่ต่างจาก Wi-Fi ก็คือ WiMAX จะสามารถให้บริการชุมชนและเมืองได้ทั้งเมือง ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถติดต่อสื่อสารได้แม้ขณะที่กำลังเดินทาง อินเทลกำลังทำงานร่วมกับบริษัท ผู้ให้บริการเครือข่ายการสื่อสารทั่วโลกเพื่อติดตั้งเครือข่าย WiMAX อยู่ โดยในอเมริกา เครือข่าย WiMAX รุ่นแรกจะให้บริการผ่านบริษัท Sprint XOHM และ Clearwire
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น